4 ก.พ. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ประชุมด่วน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝ่ายการธุรกิจและการตลาด เข้าร่วมประชุม
โดยมีวาระสำคัญ คือการหารือ ตัดการจ่ายไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน หลังมีข้อมูลว่า มีการนำไฟฟ้าไทยไปให้กับขบวนการคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ใช้ ภายหลังประชุมกันนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า หลังจากมีการหารือกับทุกภาคส่วนแล้วเห็นว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของคนไทย มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 550,000 คดี ซึ่งในแต่ละคดีมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท เฉลี่ยสูญเสียเงินกว่า 80 ล้านบาทต่อวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน
4 ก.พ. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ประชุมด่วน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝ่ายการธุรกิจและการตลาด เข้าร่วมประชุม
โดยมีวาระสำคัญ คือการหารือ ตัดการจ่ายไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน หลังมีข้อมูลว่า มีการนำไฟฟ้าไทยไปให้กับขบวนการคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ใช้ ภายหลังประชุมกันนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า หลังจากมีการหารือกับทุกภาคส่วนแล้วเห็นว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของคนไทย มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 550,000 คดี ซึ่งในแต่ละคดีมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท เฉลี่ยสูญเสียเงินกว่า 80 ล้านบาทต่อวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด่วน เพื่อพิจารณาถึงมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีความลังเล และได้พูดในที่ประชุม ครม. หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง เพราะจะต้องโอบอุ้มคนของเราก่อน และต้องดูแลคนของเราก่อน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดผลกระทบต่อคนไทยมากมาย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ถ้าเรามีความเห็นใจ และเรียงลำดับที่ไม่ถูกต้อง จะเกิดปัญหาที่ยาวนานและต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยเองก็หนักหน่วงกับเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ฉะนั้นต้องเป็นมาตรการที่เข้มข้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องเรียกคุยกัน และจัดการเลย สามารถดำเนินการได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังตรงนี้อย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน และไม่ปล่อยไปได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริงจัง เป็นเรื่องระดับชาติ และทุกประเทศมีความกังวลมาก ถ้าจับได้แล้ว เราไม่ดำเนินการใด ๆ ก็จะเสียความน่าเชื่อถือ และยืนยันว่าไม่กังวลในเรื่องนี้
