16-20 ปี เตรียมเฮ รับดิจิทัลเฟส 3 นายกฯ เคาะแจก พ.ค. กว่า 2 ล้านคนได้ก่อน

นายกฯ อิ๊งค์นั่งประธานบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ลุ้นกลุ่มวัยรุ่น 16-20 ปี 2 ล้านกว่าคนได้ใช้ก่อน เริ่มกลาง พ.ค. หรือต้น มิ.ย.นี้ ขณะที่ ก.คลังรื้อเงื่อนไขยกเลิกรายการสินค้าต้องห้าม แต่ไม่ให้ร้านทอง ปั๊มน้ำมัน ขายลอตเตอรี่ ผับ บาร์เข้าร่วมแทน พร้อมเปิดทางร้านค้ารายย่อยถอนเงินสดได้

ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเตรียมเฮจะได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 10 มี.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระพิจารณาสำคัญ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับให้สิทธิบุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ และหลักเกณฑ์เงื่อนไขการใช้จ่าย ร้านค้าที่เข้าร่วม หลังได้ผ่านการพิจารณาที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานไปแล้ว

เบื้องต้นในส่วนผู้ลงทะเบียนฯ ยังใช้หลักเกณฑ์เดิม ซึ่งมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 17.5 ล้านคน ใช้งบกว่า 175,000 ล้านบาท แต่ต้องรอดูมติที่ประชุมว่าจะพิจารณาให้ทยอยใช้เงินดิจิทัลแบ่งเป็นเฟสๆ หรือให้ใช้พร้อมกันทีเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะให้กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 16-20 ปี ที่มีประมาณ 2 ล้านกว่าคน งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท ได้ใช้ก่อน เพราะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยเป็นการทดสอบระบบไปในตัว

ขณะที่การจัดทำแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือดีจีเอ ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ จึงคาดว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 จะเริ่มใช้จ่ายได้ในช่วงกลาง เดือน พ.ค.2568 หรืออย่างช้าต้นเดือน มิ.ย.2568

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ ก่อนวันที่ 16 ก.ย.2567 เป็นผู้ที่มีรายได้ปีภาษี 2566 ไม่เกิน 840,000 บาท มีเงินฝากกับธนาคาร ณ วันที่ 31 มี.ค.รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เคยฝ่าฝืน ถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนจากมาตรการหรือโครงการอื่นๆของรัฐบาล

ขณะที่ในส่วนการใช้จ่ายและร้านค้าที่เข้าร่วม จะยกเลิกการใช้เนกาทีฟ ลิสต์ หรือกลุ่มสินค้าห้ามซื้อ 19 รายการ เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ทองคำ น้ำมันเชื้อเพลิง แต่เปลี่ยนมาเป็นการห้ามไม่ให้ร้านค้าบางประเภทเข้าร่วมแทน เช่น ผับ บาร์ ร้านขายสุรา หรือบุหรี่เพียงอย่างเดียว ร้านขายทอง ขายเพชร สถานีบริการน้ำมัน ร้านขายลอตเตอรี่ เป็นต้น ส่วนร้านโชห่วย ร้านธงฟ้า ร้านอาหารที่มีการขายสุราบุหรี่รวมอยู่ด้วยสามารถเข้าร่วมได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่าสินค้าไหนซื้อได้หรือไม่ได้ ส่วนร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ยังเข้าร่วมได้

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเสนอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแคชเอาต์หรือการให้ร้านค้าถอนดิจิทัลออกมาเป็นเงินสดได้ง่ายขึ้น โดยจากเดิมร้านค้าที่ถอนเงินสดได้จะต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เปลี่ยนมาเป็นร้านค้ารายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษี ก็สามารถถอนเงินสด เพื่อจูงใจให้เข้าร่วม และให้มีเงินหมุนเวียนในผู้ประกอบการรายย่อยแทนรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม คลังยังคงเงื่อนไขให้ประชาชนใช้จ่ายครั้งแรกเฉพาะร้านค้ารายย่อยในอำเภออยู่ และกำหนดให้ร้านค้าต้องนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายครั้งที่สอง หรือครั้งต่อๆไปกับร้านค้าด้วยกัน จากนั้นถึงจะเริ่มถอนเป็นเงินสดได้

ส่วนความพร้อมของร้านค้าที่ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมอย่างคึกคักไม่ต่ำกว่า 1 ล้านแห่ง ทั้งในส่วนสมาชิกของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร้านค้าที่มีบัญชีอยู่กับสถาบันการเงินและนอนแบงก์ รวมถึงร้านค้าเครือข่ายผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ต่างๆ นอกจากนี้จะมีการเปิดลงทะเบียนให้ร้านค้าอื่นๆ ที่สนใจเข้าร่วมได้ผ่านแอปฯ ทางรัฐอีกทางหนึ่งด้วย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *