ผู้หญิงต้องรู้ 5 อาหารที่ทำ “จุดซ่อนเร้น” มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อร่อยแค่ไหนก็ควรเลี่ยง

5 อาหารควรหลีกเลี่ยงและอาหารควรกินเพื่อดูแลความหอมและสุขภาพของช่องคลอดในวัยใกล้หมดประจำเดือน

นอกจากการดูแลความสะอาดประจำวันแล้ว การรับประทานอาหารก็มีผลอย่างมากต่อกลิ่นและสุขภาพของช่องคลอด โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป

กลิ่นไม่พึงประสงค์ในจุดซ่อนเร้นเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน เมื่อฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ระดับเอสโตรเจนลดลง ทำให้จุดซ่อนเร้นแห้งและความสมดุลของค่า pH เสีย กลิ่นอาจเกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากปัจจัยด้านสุขอนามัยและโรคแล้ว การรับประทานอาหารยังเป็นกุญแจสำคัญที่กำหนดกลิ่นของจุดซ่อนเร้น และส่งผลต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์

ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวชศาสตร์ระบุว่า อาหารเป็นดาบสองคม หากรับประทานถูกต้อง จุดซ่อนเร้นจะหอมสะอาดและสุขภาพดี แต่หากรับประทานผิดพลาด อาจเกิดการติดเชื้อ รา คัน และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

5 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะทำให้เกิดกลิ่นและไม่ดีต่อจุดซ่อนเร้น

  • แอลกอฮอล์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ฮอร์โมนไม่สมดุล และทำลายค่า pH ของช่องคลอด ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนดื่มมากจะยิ่งแห้ง คัน และมีกลิ่น นอกจากนี้การทำงานของตับลดลงยังทำให้กลิ่นตัวและกลิ่นจุดซ่อนเร้นแรงขึ้น
  • อาหารหวานมาก: การรับประทานน้ำตาลมากทำให้เชื้อรา Candida เจริญเติบโต ส่งผลให้ตกขาวมากและมีกลิ่น สำหรับผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนทำให้แบคทีเรียที่เป็นอันตรายเติบโตง่ายขึ้น ควรลดขนมหวาน น้ำอัดลม และของหวานที่มีน้ำตาลสูง
  • เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง: เช่น หัวหอม กระเทียม แกงกะหรี่ ซึ่งมีสารกำมะถันที่อาจขับออกทางเหงื่อและน้ำหล่อลื่นช่องคลอด การรับประทานมากทำให้กลิ่นจุดซ่อนเร้นไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะเมื่อฮอร์โมนไม่สมดุล ก่อนช่วงมีเพศสัมพันธ์ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องเทศกลุ่มนี้
  • อาหารทอดและน้ำมันเยอะ: อาหารที่มีน้ำมันมากทำให้ต่อมเหงื่อทำงานหนักและฮอร์โมนไม่สมดุล ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนรับประทานมากอาจเกิดการติดเชื้อในช่องคลอด คัน และมีกลิ่น ควรเลือกวิธีปรุงแบบนึ่ง ต้ม หรือย่างแทนการทอด
  • อาหารที่มีคาเฟอีน: เช่น กาแฟ ชาเข้ม หรือน้ำเพิ่มพลังงาน ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ช่องคลอดแห้ง และเสี่ยงต่อการอักเสบ คาเฟอีนยังเพิ่มอาการร้อนวูบวาบ ใจเต้นเร็ว และฮอร์โมนไม่สมดุลในวัยใกล้หมดประจำเดือน จำกัดการบริโภคไม่เกิน 200 มก. ต่อวัน หรือเทียบเท่ากับกาแฟขนาดเล็ก 1 แก้ว

5 อาหารที่ช่วยให้จุดซ่อนเร้นไม่มีกลิ่นและสุขภาพดี

  • น้ำเปล่า: ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนมักแห้งและร้อนในเนื่องจากฮอร์โมนไม่สมดุล การดื่มน้ำเพียงพอช่วยรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ สมดุลค่า pH และป้องกันการเจริญของแบคทีเรีย ควรดื่มอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน แบ่งดื่มตลอดวัน ไม่ควรรอให้รู้สึกกระหายน้ำ
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ: มีจุลินทรีย์ Lactobacillus ช่วยปรับสมดุลช่องคลอดและยับยั้งเชื้อรา Candida ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นและการอักเสบ ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนควรรับประทาน 100 – 120 กรัมต่อวัน หลังมื้อกลางวันเพื่อรักษาระบบจุลินทรีย์ที่ดีในช่องคลอด
  • แครนเบอร์รี: อุดมไปด้วย anthocyanin และ proanthocyanidin ช่วยต้านการอักเสบ ลดกลิ่นและป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ในวัยใกล้หมดประจำเดือนที่ภูมิต้านทานลดลง ควรดื่มน้ำแครนเบอร์รีเข้มข้น หรือรับประทานผลสด 30 – 50 กรัมต่อวัน เพื่อช่วยระบบทางเดินปัสสาวะและทำให้จุดซ่อนเร้นสะอาดหอมตามธรรมชาติ
  • คื่นฉ่าย: มีน้ำ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยขับสารพิษและสมดุลค่า pH ช่องคลอด แนะนำดื่มน้ำคื่นฉ่าย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือใช้ในสลัดและซุป เพื่อช่วยปรับฮอร์โมนและเพิ่มกลิ่นหอมธรรมชาติของร่างกาย
  • สับปะรด: มีเอนไซม์ bromelain และวิตามินซี ช่วยต้านการอักเสบ ทำความสะอาดเยื่อบุ และปรับกลิ่นจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ยังช่วยย่อยอาหารและลดการอักเสบจากฮอร์โมน ควรรับประทานสับปะรดสุกประมาณ 150 กรัมต่อครั้ง หลีกเลี่ยงสับปะรดดิบหรือกินตอนท้องว่างเพื่อไม่ให้กระเพาะระคายเคือง